ก่อนประวัติศาสตร์
สมัยก่อนประวัติศาสตร์
บรรพบุรุษของมนุษย์แยกสายวิวัฒนาการจากมนุษย์วานรในทวีปอาฟริการะหว่าง2,000,000-500,000 ปีมาแล้ว พวกเขาจัดอยู่ในกลุ่มมนุษย์ผู้ยืนตัวตรง(Homo Erectus) สูงราว 3 ฟุตเศษ มีฟันลักษณะคล้ายฟันของมนุษย์ปัจจุบัน สมองยังเล็ก และรู้จักใช้มือเพื่อทำประโยชน์ต่างๆ รู้จักทำเครื่องมือหินด้วยวิธีง่ายๆ เพื่อใช้คมในการตัด ฟัน หรือขูด เรียกว่า "ออตราโลพิเธคัส" หรือเรียกอีกชื่อว่า "โฮโมฮาบิลิส" หมายถึง มนุษย์ผู้ถนัดใช้มือ กระจายไปตามส่วนต่างๆของทวีปอาฟริกา แหล่งสำคัญคือ ถ้ำโอลดูเวย์(ประเทศแทนซาเนีย) ค้นพบเมื่อ ค.ศ. 1959 อายุราว 1,750,000 ปีมาแล้ว
ดร.หลุยส์ เลคกี ผู้ค้นพบเสนอว่า มนุษย์โฮโมฮาบิลิสมีความก้าวหน้ากว่าบรรพบุรุษซึ่งมีความเป็นอยู่คล้ายวานร คือรู้จักการใช้เครื่องมือและกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร มีวิธีจับสัตว์คือ ไล่ต้อนฝูงสัตว์ลงไปในหนองน้ำ แล้วจับตัวอ่อนกิน
บรรพบุรุษอีกอีกพวกหนึ่งคือ มนุษย์นีแอนเดอธัล(Neanderthal Man) พบหลักฐานที่ถ้ำแอนเดอร์ ใกล้เมืองดุลเซลคอร์ฟ เยอรมนี กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของยุโรปและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อ 150,000 ปีมาแล้ว สูงราว 5 ฟุตเล็กน้อย ปริมาณสมองใกล้เคียงกับมนุษย์ในปัจจุบัน รู้จักการล่าสัตว์โดยการใช้ไฟ มีการวางโครงกระดูกและเครื่องมือที่ทำด้วยฟันและกระดูกสัตว์ในหลุมศพ สันนิษฐานว่า มีการประกอบพิธีศพ และอาจมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอมตะ
ดร.หลุยส์ เลคกี ผู้ค้นพบเสนอว่า มนุษย์โฮโมฮาบิลิสมีความก้าวหน้ากว่าบรรพบุรุษซึ่งมีความเป็นอยู่คล้ายวานร คือรู้จักการใช้เครื่องมือและกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร มีวิธีจับสัตว์คือ ไล่ต้อนฝูงสัตว์ลงไปในหนองน้ำ แล้วจับตัวอ่อนกิน
บรรพบุรุษอีกอีกพวกหนึ่งคือ มนุษย์นีแอนเดอธัล(Neanderthal Man) พบหลักฐานที่ถ้ำแอนเดอร์ ใกล้เมืองดุลเซลคอร์ฟ เยอรมนี กระจายอยู่ตามส่วนต่างๆของยุโรปและทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเมื่อ 150,000 ปีมาแล้ว สูงราว 5 ฟุตเล็กน้อย ปริมาณสมองใกล้เคียงกับมนุษย์ในปัจจุบัน รู้จักการล่าสัตว์โดยการใช้ไฟ มีการวางโครงกระดูกและเครื่องมือที่ทำด้วยฟันและกระดูกสัตว์ในหลุมศพ สันนิษฐานว่า มีการประกอบพิธีศพ และอาจมีความเชื่อเกี่ยวกับเรื่องวิญญาณอมตะ
บรรพบุรุษของมนุษย์ในปัจจุบัน มีวิวัฒนาการประมาณหลายหมื่นปีมาแล้วนักมานุษยวิทยาเรียกว่า "มนุษย์สมัยใหม่" หรือ "มนุษย์ฉลาด-Homo Sapiens" มนุษย์ปัจจุบัน ไม่ว่าจะมีรูปร่าง ผิวพรรณ ภาษาหรือเชื้อชาติใด ล้วนสืบเชื้อสายมาจากพวกโฮโม เซเปียนส์ มนุษย์โคร-มันยอง(Cro-Magnon) เป็นมนุษย์สมัยใหม่ที่มีหลักฐานชัดเจนที่สุด โครงกระดูกของมนุษย์โคร-มันยองพบครั้งแรกที่แคว้นเวลส์ในประเทศอังกฤษ มนุษย์โคร-มันยองมีอายุประมาณ 35,000 ปีมาแล้ว จัดเป็นมนุษย์ยุคหินเก่า มีความสูงต่ำกว่า 6 ฟุตเล็กน้อย มีปริมาณมันสมองใกล้เคียงกับชาวยุโรปปัจจุบันและมีอวัยวะคล้ายมนุษย์ปัจจุบัน รู้จักใช้เครื่องมือหิน กระโหลกศรีษะยาว ใบหน้าสั้น มีความสามารถในการเขียนภาพบนผนังถ้ำ รู้จักเผาพและสักบนใบหน้า มีการแกะสลักหินเป็นรูปหญิงอ้วน เรียกว่า"รูปวีนัส แห่งวิลเลนดอร์ฟ(Venus of Villendorf)" ซึ่งเน้นรูปทรงทางเพศที่แสดงร่องรอยการให้กำเนิดมาแล้วอย่างโชกโชน สูง 11 เซนติเมตร พบที่วิลเลนดอร์ฟ ประเทศออสเตรีย(ราว 25,000-20,000 ปี BC.)
มนุษย์หินยุคเก่ารู้จักการล่าสัตว์และเก็บพืชพัก ผลไม้กินเป็นอาหาร พึ่งพาธรรมชาติ และสภาพแวดล้อมเต็มที่ เมื่อฝูงสัตว์และอาหารหมดลงก็ย้ายถิ่นอาศัยติดตามฝูงสัตว์ไป มักอาศัยใกล้ทะเลหรือหนองน้ำ เพื่อหาอาหารและใช้น้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค
จิตรกรรมที่ถ้ำลาสโคซ์จัดดยู่ในสมัยหินกลางพบว่าเขียนภาพทั้งด้านข้างและเพดานถ้ำ ถ้ำลาสโคซ์ตั้งอยู่ใกล้มองแตงญักบริเวณลุ่มน้ำดอร์ดอน ในฝรั่งเศส ถูกพบโดยบังเอิญ ค.ศ. 1940 โดยเด็กชายสองคนที่ที่ไปวิ่งเล่นหน้าโพรงถ้ำ จากการกำหนดอายุ พบว่าภาพเขียนดังกล่าวมีอายุประมาณ 15,000-13,000 ปีBC. ภาพวัวไซบัน ม้า กวาง แสดงภาพด้านข้าง คำนึงถึงความจริง ท่าทางเคลื่อนไหว มีทักษะการใช้เส้นที่กล้าหาญ ไม่คำนึงถึงสัดส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับบางภาพ วาดภาพซ้อนทับกัน สันนิษฐานว่าอาจวาดต่างช่วงเวลากัน มีเป้าหมายด้านความเชื่อเหนือเหตุผล
สมัยหินใหม่ มนุษพัฒนามาจากผู้ที่เคยดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ สู่สังคมเกษตรกรรม เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชน สมัยหินใหม่ตอนต้นมีการสร้างกระท่อมดินดิบมุงด้วยใบไม้ สร้างเรือโดยเอาท่อนซุงผูกเป็นเรือแคนู เลี้ยงสุนัข เรียนรู้การใช้อาวุธ ป้องกันตัว และทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
ศิลปะโดดเด่นที่สุดของยุคหินใหม่ คือ อนุสาวรีย์หิน(Megalithic) ซึ่งนำหินขนาดใหญ่มาตั้ง จัดวางลักษณะต่างๆแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ แบบหินตั้ง กับแบบโต๊ะหิน และสามารถแยกย่อยตามลักษณะการตั้งวางได้อีกด้วย
หินตั้งเดี่ยว เป็นแท่งหินตั้งอย่างโดดเดี่ยว เมนเฮอร์ที่สูงใหญ่ที่สุดอยู่ที่ลอคมารีเก ฝรั่งเศสสูง 64 ฟุต
หินตั้งเป็นแกนยาว เป็นการตั้งหินเป็นแนวฉากกับพื้นและตั้งเป็นแถวยาวหลายก้อน บางแห่งมีหินตั้งกว่าพันแท่ง เรียงรายกว่า 2 ไมล์
จิตรกรรมที่ถ้ำลาสโคซ์จัดดยู่ในสมัยหินกลางพบว่าเขียนภาพทั้งด้านข้างและเพดานถ้ำ ถ้ำลาสโคซ์ตั้งอยู่ใกล้มองแตงญักบริเวณลุ่มน้ำดอร์ดอน ในฝรั่งเศส ถูกพบโดยบังเอิญ ค.ศ. 1940 โดยเด็กชายสองคนที่ที่ไปวิ่งเล่นหน้าโพรงถ้ำ จากการกำหนดอายุ พบว่าภาพเขียนดังกล่าวมีอายุประมาณ 15,000-13,000 ปีBC. ภาพวัวไซบัน ม้า กวาง แสดงภาพด้านข้าง คำนึงถึงความจริง ท่าทางเคลื่อนไหว มีทักษะการใช้เส้นที่กล้าหาญ ไม่คำนึงถึงสัดส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับบางภาพ วาดภาพซ้อนทับกัน สันนิษฐานว่าอาจวาดต่างช่วงเวลากัน มีเป้าหมายด้านความเชื่อเหนือเหตุผล
สมัยหินใหม่ มนุษพัฒนามาจากผู้ที่เคยดำรงชีวิตให้กลมกลืนกับธรรมชาติ สู่สังคมเกษตรกรรม เพาะปลูกและเลี้ยงสัตว์ ตั้งบ้านเรือนอยู่เป็นชุมชน สมัยหินใหม่ตอนต้นมีการสร้างกระท่อมดินดิบมุงด้วยใบไม้ สร้างเรือโดยเอาท่อนซุงผูกเป็นเรือแคนู เลี้ยงสุนัข เรียนรู้การใช้อาวุธ ป้องกันตัว และทำเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ
ศิลปะโดดเด่นที่สุดของยุคหินใหม่ คือ อนุสาวรีย์หิน(Megalithic) ซึ่งนำหินขนาดใหญ่มาตั้ง จัดวางลักษณะต่างๆแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มคือ แบบหินตั้ง กับแบบโต๊ะหิน และสามารถแยกย่อยตามลักษณะการตั้งวางได้อีกด้วย
หินตั้งเดี่ยว เป็นแท่งหินตั้งอย่างโดดเดี่ยว เมนเฮอร์ที่สูงใหญ่ที่สุดอยู่ที่ลอคมารีเก ฝรั่งเศสสูง 64 ฟุต
หินตั้งเป็นแกนยาว เป็นการตั้งหินเป็นแนวฉากกับพื้นและตั้งเป็นแถวยาวหลายก้อน บางแห่งมีหินตั้งกว่าพันแท่ง เรียงรายกว่า 2 ไมล์